lalamove
ให้ผู้บริโภคเรียกใช้
โลจิสติกส์ผ่านแอพฯ

lalamove คือแอพพลิเคชั่นที่เชื่อมโยงผู้บริโภคที่กำลังมองหาระบบขนส่งที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะต้องการขนย้ายสินค้า ตั้งแต่เอกสารชิ้นเล็ก ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ บริการธุรกิจได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทั่วไป หรือ SMEs เพื่อลดปัญหาเรื่องความล่าช้า ราคาที่ไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม และการบริการและคนขับรถส่งของที่ไม่ได้มาตรฐาน

สันทิต จิรวงศ์ไกรสรผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของลาล่ามูฟประเทศไทย

สันทิต จิรวงศ์ไกรสร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของลาล่ามูฟประเทศไทย

ผู้ใช้ชื่นชอบการทำงานที่รวดเร็วและสะดวกสบาย แอพพลิเคชั่นใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องผูกบัญชีบัตรเครดิต อีกทั้งยังมีรถบริการหลากหลายประเภท ทำให้การส่งสินค้าหรือการขนย้ายเป็นไปได้ง่าย

ความเป็นมาของ lalamove
สันทิต จิรวงศ์ไกรสร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของลาล่ามูฟประเทศไทย เล่าว่า lalamove ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศฮ่องกงในเดือนตุลาคม ปี 2556 โดย Shing-Yuk Chow ซึ่งบริษัทมีชื่อเดิมว่า EasyVan ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น lalamove ในเดือนพฤศจิกายน 2557  ทั้งนี้ ฮ่องกงนับได้ว่าเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งสาธารณะดีที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ใช้บริการโลจิสติกส์จะคุ้นเคยกับการเรียกรถผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ เนื่องจากคนฮ่องกงมีการเรียกใช้บริการลักษณะนี้มายาวนานทำให้คุ้นเคย เมื่อบริษัทพัฒนามาสู่แอพพลิเคชั่นจึงยังต้องเชื่อมต่อคอลล์เซ็นเตอร์ไว้ด้วยกัน จึงทำให้เกิดความคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสะดวกสบายต่อกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ด้วย

สำหรับฮ่องกงนั้น ถือว่าเป็นประเทศที่มีการแข่งขันด้านโลจิสติกส์สูง บริการขนส่งตรงจึงค่อนข้างเป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นการส่งสินค้าไปให้ลูกค้าแต่ละราย โดยที่สินค้าจะไม่ผ่านคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้า และไม่มีการเปลี่ยนถ่ายยานพาหนะระหว่างทาง ตรงกับคอนเซ็ปต์ของบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านเวลาและด้านต้นทุน  ช่วยให้ไม่เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง อีกทั้งยังรวดเร็วเพราะยานพาหนะไม่ต้องแวะส่งสินค้าจุดอื่น

ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี EasyVan ในฮ่องกงมีผู้ใช้งานมากถึง 150,000 คน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ขยายบริการให้ครอบคลุมธุรกิจขนส่งมากขึ้น พร้อมขยายสาขาออกไปยังต่างประเทศ เริ่มต้นที่สิงคโปร์ ไทย กวางโจว เซินเจิ้น และไต้หวันเป็นประเทศล่าสุด

e198

ฉบับที่ 198 เดือนมิถุนายน

ไอทีเชื่อมสู่ท้องถิ่นแบบ Social Enterprise

นำประสบการณ์ขยายตลาดมาสู่ไทย
สันทิต เล่าว่า ก่อนที่บริษัทจะเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ยังไม่มีบริการลักษณะนี้มาก่อน จากแต่เดิมหากผู้บริโภคต้องการใช้งานบริษัทโลจิสติกส์ จำเป็นต้องโทรติดต่อกับคอลล์เซ็นเตอร์ของ   บริษัทโลจิสติกส์นั้นๆ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร อีกทั้งบริษัทโลจิสติกส์ทั่วไปยังมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากรถของบริษัทต้องวิ่งออกจากศูนย์เพื่อไปรับของนำของไปส่ง และนำรถกลับบริษัท ทำให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าบริการและค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

ดังนั้น บริการของบริษัทจึงเหมาะสำหรับทั้งภาคธุรกิจและบุคคลในการหาคนขับรถมืออาชีพเพื่อการขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เพียงแค่เปิดแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เลือกประเภทรถทั้งมอเตอร์ไซต์ กระบะ หรือรถแวน  กรอกสถานที่รับของ สถานที่จัดส่ง วันและเวลาที่ต้องการ รวมถึงบริการเสริมอื่นๆ ในแอพฯ ระบบก็จะจับคู่คนขับรถที่เหมาะสมกับงานให้ในเวลาไม่กี่นาที หลังจากระบบยืนยันการรับงาน คนขับรถจะติดต่อกลับไปยังลูกค้าและนัดทำการรับ-ส่งของตามที่ได้ตกลง

ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
หลังจากเปิดให้บริการในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจและบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ไม่มีรถขนส่งเป็นของตนเอง ไม่พร้อมในการจัดส่งสินค้าเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า หรือผู้ที่มีปัญหาในการบริหารการขนส่ง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่คิด เป็นอัตราส่วนเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด

[efscolumn lg=”3″ md=”3″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
app 1
[/efscolumn]

[efscolumn lg=”3″ md=”3″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
app 2
[/efscolumn]

[efscolumn lg=”3″ md=”3″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
app 3
[/efscolumn]

[efscolumn lg=”3″ md=”3″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
app 4
[/efscolumn]

 

“ขณะนี้ เรายังโฟกัสกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่ม SMEs ที่มีรอบส่งสินค้าประมาณ 5-40 รอบต่อวัน เนื่องจากโปรดักส์ของบริษัทเป็นแอพฯ จึงยิ่งสะดวกต่อธุรกิจรุ่นใหม่ โดยหวังว่าเทคโนโลยีของบริษัท จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและสร้างมาตรฐานด้านราคาให้ตลาดโลจิสติกส์ของประเทศไทยมากขึ้น”

สันทิต กล่าวเสริมถึงฟีดแบ็คจากลูกค้าว่า ผู้ใช้ชื่นชอบการทำงานที่รวดเร็วและสะดวกสบาย แอพ-พลิเคชั่นใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องผูกบัญชีบัตรเครดิต อีกทั้งยังมีรถบริการหลากหลายประเภท ทำให้การส่งสินค้าหรือการขนย้ายเป็นไปได้ง่าย พร้อมทั้งเลือกได้อีกว่าต้องการให้จัดส่งทันที หรือส่งด่วน ซึ่งบริษัทรับประกันว่า ลูกค้าสามารถเรียกรถได้ภายใน 45 นาที (ซึ่งในความเป็นจริงเวลาในการรอรถเฉลี่ยอยู่ที่ 20-25นาที)

สร้างความมั่นใจ พร้อมให้บริการ
วิสัยทัศน์ของบริษัทนอกจากการมอบประสบการณ์ขนส่งที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า ยังตั้งใจส่งเสริมให้ผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างสามารถออกมาทำงานโดยเป็นเจ้านายตัวเองได้ เพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะหลังจากคนขับเข้าสู่ระบบของบริษัท พวกเขาจะมีงานมากขึ้น ซึ่งเท่ากับรายรับที่มากขึ้น ทั้งยังสามารถจัดการบริหารงานได้ด้วยตนเองและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรในการหาลูกค้าใหม่ๆ ตรงนี้ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่บุคลากรอย่างมาก

“บริษัทเรานำประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศมาประยุกต์ให้เข้ากับพฤติกรรมของคนไทย ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในความมืออาชีพของคนขับรถทุกคน ที่สำคัญเรายังมีความมั่นใจในมาตรฐานการให้บริการ เพราะคนขับรถทุกคนต้องผ่านการอบรมก่อนออกไปทำงานจริง”

การคัดกรองคนขับที่มีทั้งคนขับรถมอเตอร์ไซค์ คนขับรถตู้ และคนขับรถกระบะ ค่อนข้างเข้มงวด บริษัทจะเก็บเอกสารสำคัญอย่างบัตรประชาชน ใบขับขี่ ใบรับรองการตรวจสภาพรถ หลังจากนั้นยังมีการอบรมการใช้งานแอพพลิเคชั่น และการบริการลูกค้า ซึ่งคนขับที่เข้ามารับการอบรมก็สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ในเวลาไม่นาน หลังจากที่คนขับเหล่านั้นออกไปทำงานจริง บริษัทยังคงมีการตรวจสอบความเห็นผู้บริโภคหลังการใช้งาน หากพบคนขับรถที่มีเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานจะมีมาตรการลงโทษเป็นลำดับ

แอพพลิเคชั่น เพื่อความสะดวกต่อผู้บริโภค
สันทิต กล่าวต่ออีกว่า ผู้ส่งสามารถมั่นใจในการใช้บริการได้อย่างเต็มที่ด้วยการตรวจสอบข้อมูลคนขับผ่านแอพพลิเคชั่น และหลังจากที่คนขับรับสินค้าไปแล้ว จะมีระบบนำทาง GPS เพื่อติดตามเส้นทางของคนขับระหว่างจัดส่งสินค้า อีกทั้งผู้บริโภคยังสามารถให้คะแนนความพึงพอใจแก่คนขับนั้นๆ ได้ด้วย ที่สำคัญคือ มีบริการประกันสินค้าสูงสุดถึง 2,000 บาท ต่อเที่ยว เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความสะดวกและปลอดภัย อีกทั้ง lalamove ยังเป็นแอพพลิเคชั่นให้บริการขนส่งสินค้าเจ้าเดียวที่เปิดให้เรียกใช้ตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวัน

2

ในอนาคตยังวางแผนว่า จะขยายไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ที่ต้องการบริการขนส่งออนดีมาน ซึ่งเรามีมาตรฐานระดับสากล มั่นใจว่าแอพพลิเคชั่นใช้งานง่าย มีรถพร้อม ราคาถูก มีบริการที่ดี

นอกจากนั้น ภายในแอพพลิเคชั่นลูกค้ายังสามารถเลือกบริการเสริม อาทิ บริการจัดซื้อของ ที่ให้คนขับไปซื้อสินค้าที่ต้องการให้ ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าเรียกใช้ให้ไปซื้ออาหารหรือเบเกอร์รี่อยู่เป็นประจำ

“ผู้ใช้ชื่นชอบเราเพราะการทำงานที่รวดเร็วและสะดวกสบาย เรามีบริการหลากหลายประเภท โดยเน้นให้เรื่องการจัดส่งให้ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะจัดส่งทันที หรือส่งด่วนให้กับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป” สันทิต กล่าว

ในส่วนของการคิดค่าบริการ แอพพลิเคชั่นจะคำนวณอัตราค่าบริการโดยอัตโนมัติ โดยคิดค่าบริการพื้นฐานตามระยะทาง สำหรับการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุน้ำหนักไม่เกิน 20 กก. ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ค่าบริการจะเริ่มต้นที่ 60 บาท ค่าบริการสำหรับรถตู้และรถ MPV สำหรับจัดส่งสินค้าหรือพัสดุน้ำหนักไม่เกิน 100 กก. จะเริ่มต้นที่ 300 บาท ส่วนค่าจัดส่งสินค้า เฟอร์นิเจอร์ และพัสดุน้ำหนักไม่เกิน 1,000 กก. ด้วยรถกระบะ จะเริ่มต้นที่ 600 บาท ซึ่งค่าบริการเหล่านี้ไม่รวมค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับระยะทางไกล ค่าหยุดแวะส่งสินค้าเพิ่มเติม ค่าล่วงเวลา (หลังเวลา 21.00 น.) ค่าบริการ เสริมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้

3

ก้าวต่อไปในอนาคต
ก่อนอื่นเราต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคว่าโปรดักส์ของเราคืออะไร เพราะช่วงที่ผ่านมาเปรียบเสมือนการทดลองตลาด ซึ่งต้องนี้เราเห็นชัดแล้วว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราเป็นกลุ่มใด ดังนั้น จึงตั้งใจจะโฟกัสกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและลูกค้ารายย่อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก่อนจะขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสิ้นปีนี้

“แม้ขณะนี้ lalamove จะมีพื้นที่การให้บริการเฉพาะในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล แต่ในอนาคตยังวางแผนว่า จะขยายไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ที่ต้องการบริการขนส่งออนดีมานซ์ ซึ่งเรามีมาตรฐานระดับสากล มั่นใจว่าแอพพลิเคชั่นใช้งานง่าย มีรถพร้อม ราคาถูก มีบริการที่ดี อีกทั้งยังมีคอลล์เซ็นเตอร์ไว้คอยซัพพอร์ตลูกค้าที่มีปัญหา ถือว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน” สันทิต กล่าวทิ้งท้าย

ดั่งเช่นความตั้งใจเดิมของบริษัทที่ตั้งใจจะทุ่มเทเพื่อเปลี่ยนแปลงวงการขนส่ง จากอดีต การขนส่งถือว่าเป็นงานที่น่าเบื่อและไม่มีความยืดหยุ่น ให้บริการลูกค้าด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีบริการที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนมีความรู้สึกที่ดีกับธุรกิจขนส่งด้วยแนวคิดของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีผสมกับการบริการที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ผกลุ่มผู้บริโภคและนักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างแน่นอน