แบรนด์ระดับโลกสนใจไทย ขยายตลาดบิวตี้คอมเมิร์ซ

[efscolumn lg=”6″ md=”6″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
สุปราณี จันทไพบูลย์ขจร คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า (SEPHORA) ประเทศไทย

สุปราณี จันทไพบูลย์ขจร คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า (SEPHORA) ประเทศไทย

[/efscolumn]

[efscolumn lg=”6″ md=”6″ smoff=”0″ mdoff=”0″ lgoff=”0″ ]
ลอเรนโซ พีรัคคีโอเน่ คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า ดิจิทัล กรุ๊ป ประเทศไทย

ลอเรนโซ พีรัคคีโอเน่ คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า ดิจิทัล กรุ๊ป ประเทศไทย

[/efscolumn]
 
แม้ว่าการมีหน้าร้านของเครื่องสำอางจะกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้การซื้อไม่ได้มีสูงเท่าที่ควร ช่องทางออนไลน์จึงเป็นทางที่ตอบโจทย์ในส่วนนี้ โดยจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางติดอันดับขายดีในแทบทุกเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

sp1-2

บิวตี้คอมเมิร์ซไทยยังไม่คึกคัก คาดจะโตตามภาพรวมในอนาคต
เครื่องสำอางนับว่าเป็นสินค้ายอดนิยมจากเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลาย โดยมีลักษณะการซื้อที่สม่ำเสมอและมีกำลังซื้ออย่างมาก ซึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซผู้เล่นที่เจาะเฉพาะเครื่องสำอางนั้นยังมีไม่มาก ส่วนมากจะเป็นจากเจ้าของแบรนด์เอง และอื่นๆ อีกไม่เกิน 10 ราย นับว่าก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค

สุปราณี จันทไพบูลย์ขจร คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า (SEPHORA) ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดบิวตี้ในประเทศไทยเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนทางด้านออนไลน์เห็นได้ว่ามีทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้บริโภคเอง ถึงแม้ว่าการซื้อเครื่องสำอางออนไลน์จะได้รับความนิยม แต่เมื่อดูตัวเลขตลาดบิวตี้คอมเมิร์ซแล้วยังเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ซึ่งคาดว่าเมื่อตลาดอีคอมเมิร์ซในภาพรวมโต ตลาดบิวตี้ก็จะขยับตามไปด้วยอย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่า บิวตี้คอมเมิร์ซนั้นจะถูกแบ่งลักษณะที่ชัดเจน เช่น สินค้านำเข้า สินค้าเฉพาะแบรนด์นั้นๆ และอื่นๆ ซึ่งทำให้พื้นที่ตรงนี้ยังไม่ได้แข่งขันกันอย่างดุเดือดเหมือนในต่างประเทศ แต่ก็เชื่อว่ามีผู้เล่นหลายรายต้องการเข้าสู่พื้นที่ตรงนี้ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย

แบรนด์บิวตี้ระดับโลกสนใจอีคอมเมิร์ซไทย วางแผนรุกตลาดเพิ่มในอนาคต
แบรนด์เซโฟร่าเป็นบิวตี้รีเทลในเครือ LVMH ผู้นำด้านบิวตี้รายใหญ่ที่สุดในโลก ครองตลาดเครื่องสำอางและผู้นำเทรนด์ความงามจากทั่วโลก ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในหลายประเทศทั้งในสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป จากการดำเนินกิจการบิวตี้สโตร์และอีคอมเมิร์ซ ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2557 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีหน้าร้าน 5 สาขาในกรุงเทพฯ

ด้วยนโยบายของทางเซโฟร่าทั่วโลกต้องการมุ่งเข้าสู่ออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เซโฟร่าจึงเลือกควบรวมกิจการกับลักซ์โซล่า (Luxola) บิวตี้ชอปออนไลน์รายใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ที่มีฐานอีคอมเมิร์ซใน 11 ประเทศ โดยเปลี่ยนมาดำเนินกิจการในชื่อ เซโฟร่า ดิจิทัล กรุ๊ป (Sephora Digital Group) และได้ทำการเปิดตัวออนไลน์ชอปของเซโฟร่าใน 8 ประเทศทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งทำให้เซโฟร่ากลายป็นบิวตี้รีเทลเจ้าแรกของไทยที่สามารถจับจ่ายสินค้าความงามแบรนด์ดังจากทั่วโลก ได้ทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Sephora.co.th

e209_1

ฉบับที่ 208 เดือนเมษายน

ตลาดวิดีโอคอนเทนต์ โอกาสของแบรนด์เล็ก

“เรามองว่า ตลาดออนไลน์มันใหญ่และเร็วถ้าจะให้รอมาฟอร์มทีมเองคงต้องใช้เวลานาน เราจึงมองหาคนที่อยู่ในตลาดมีความรู้ความเข้าใจที่ดีกับการดำเนินงานมาทำตรงนี้ ซึ่งลักโซล่าตอบโจทย์ทุกอย่าง ทั้งระบบการทำงาน การขนส่ง และบุคลากรเองที่มีพร้อมอยู่แล้ว แต่พอมาเปลี่ยนโฉมทั้งหมดแบบนี้ก็ต้องเพิ่มเติมเรื่องแบรนด์ให้เข้าใจมากขึ้น จริงๆ มองว่าเมื่อเราเป็นทั้งออนไลน์และมีหน้าร้านก็จะเข้าถึงลูกค้าได้เร็วมากขึ้น มีโอกาสในการเข้าถึงคนต่างจังหวัด เป็นการกระจายตลาดและเร่งอัตราการเจริญเติบโตได้อย่างแน่นอน” สุปราณี กล่าว

ทั้งนี้ ประเทศที่น่าจับตามองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ อินโดนีเซีย และไทย โดยเซโฟร่าจะเน้นการทำกิจกรรมการตลาดผ่านออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงลูกค้าคนไทยให้เข้ามาใช้งาน ซึ่งเชื่อว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและปัจจัยจาก 4G จะช่วยสนับสนุนในส่วนนี้ได้

sp1-3

การเติบโตทางด้านบิวตี้คอมเมิร์ซยังมีอยู่มาก เนื่องจากผู้เล่นด้านบิวตี้ไม่ได้ลงมาอยู่ตรงนี้อย่างเต็มตัว ส่วนใหญ่จะเป็นในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่รวบรวมทุกผลิตภัณฑ์  ซึ่งการดึงดูดนั้นยังไม่ได้มาก

สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้จดจำ
แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่อปีลดลง แต่ในส่วนของตลาดเครื่องสำอางพรีเมี่ยมที่นับว่าไม่ใหญ่มากเมื่อรวมกับตลาดเครื่องสำอางทั้งหมด ก็ยังคงอยู่ในหลักพันล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มค่าเฉลี่ยมาจากสินค้าใหม่ๆ ที่นำเข้ามา

ลอเรนโซ พีรัคคีโอเน่ คันทรีเมเนเจอร์ เซโฟร่า ดิจิทัล กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ลักซ์โซล่าเองถึงแม้จะเป็นบิวตี้คอมเมิร์ซรายใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีความชัดเจนในตัวสินค้ามากนัก ซึ่งพอเปลี่ยนมาเป็นเซโฟร่า ออนไลน์ ก็เจาะกลุ่มได้มากขึ้น เพราะเน้นไปทางแบรนด์ไฮเอนด์ และยังมีเอ็กคลูซีฟแบรนด์ที่หาซื้อได้เฉพาะที่เซโฟร่าเท่านั้น ในเบื้องต้นเว็บไซต์ Sephora.co.th มีสินค้าประมาณ 80 แบรนด์ 4 พันเอสเคยู และมีสินค้าพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะเว็บไซต์ประมาณ 30 โดยแต่ละปีจะมีการเปิดตัวเครื่องสำอางและความงามแบรนด์ใหม่ๆ ประมาณ 4 ครั้ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ก็จะมากขึ้นและพิเศษขึ้นอย่างแน่นอน

จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้เซโฟร่าออนไลน์เป็นที่นิยมทั่วโลกคือ การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด การอัพเดตข่าวสารในวงการความงามและให้ลูกค้ามีส่วนร่วมแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าอื่นๆ กลายเป็นที่รวมตัวของสาวกความงาม พร้อมความสนุกและลูกเล่นต่างๆ ที่จะมีให้เลือกใช้อย่างต่อเนื่อง

sp1-5 sp1-4

“เซโฟร่าจัดจำหน่ายสินค้าแท้แบรนด์ไฮแอนด์ แต่สิ่งหนึ่งที่จะสร้างการรับรู้ที่ดีคือ การบริการลูกค้า ซึ่งก็ขึ้นชื่อในเรื่องการเปิดให้ลูกค้าเป็นอิสระในการเลือกซื้อของ ใครก็ตามที่เคยเข้าชอปเซโฟร่าจะไม่ถูกกดดันจากพนักงานในการเลือกซื้อ นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ โดยส่วนนี้จะถูกบอกต่อไปและทำให้คนเชื่อมั่นในแบรนด์ ทั้งยังหันมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย” ลอเรนโซ กล่าว

การดำเนินงานในครั้งนี้ เซโฟร่าตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าและเติบโตเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยจากปี 2558 ฐานลูกค้าที่เป็นเมมเบอร์เดิมและฐานลูกค้าจาก Luxola รวมกันแล้วอยู่ที่ประมาณ 100,000 ราย และกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในช่วงอายุ 25-35 ปี และ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นลูกค้าต่างจังหวัดที่ช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์ออนไลน์

เห็นได้ชัดว่า โอกาสในการเติบโตทางด้านบิวตี้คอมเมิร์ซยังมีอยู่มาก เนื่องจากผู้เล่นด้านบิวตี้ไม่ได้ลงมาอยู่ตรงนี้อย่างเต็มตัว ส่วนใหญ่จะเป็นในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่รวบรวมทุกผลิตภัณฑ์  ซึ่งการดึงดูดนั้นยังไม่ได้มาก เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มที่เน้นทางด้านนี้โดยเฉพาะ ทำให้เห็นว่าในอนาคตเมื่ออีคอมเมิร์ซเติบโตด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ตลาดบิวตี้ต้องได้รับความนิยมและเป็นที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน